วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

☁ ส่วนผสมดินปลูก ☁

สิงหาคม 24, 2560 0 Comments



        
สูตรนี้ดีสุด ดินร่วน โปร่ง ระบายน้ำดี มีธาตุอาหารสมบูรณ์ และไม่เป็นพิษ รากเดินไว เด็ดหน่อปักลงดิน ประมาณ 1 อาทิตย์รากงอก

ส่วนผสมมีดังต่อไปนี้
หินภูเขาไฟ
ประโยชน์ : ทำให้ดินโปร่ง มีแร่ธาตุสารอาหารที่ต้นไม้ต้องการ และยังเรียกรากได้ดี

แกลบดำ
       ประโยชน์ : ทำให้ดินร่วนซุย เพิ่มแร่ธาตุ ดินอุ้มน้ำได้เป็นตัวดูดซับในกระบวนการบำบัดน้ำเสียบำบัดก๊าซพิษสำหรับดูดซับสารมลพิษต่างๆ 

 พีทมอส
   ประโยชน์ :  รักษาน้ำและความชื้น สามารถช่วยเก็บความชื้นและปลดปล่อยออกมาให้พืชอย่างช้า ๆ เมื่อพืชต้องการ

ใบก้ามปู
มีไนโตรเจนสูง และมีสารอาหารอื่นที่พืชต้องการอีกมากมายครับ




☀ วิธีการดูแล ☀

สิงหาคม 24, 2560 0 Comments

การดูแลรักษากระบองเพชรง่ายๆเพียงแค่ 3 ขั้นตอน ไปดูกันเลย !


1. การรดน้ำ 
วิธีการลดน้ำที่ถูกต้องคือต้องรดให้โชกถึงราก และรดครั้งต่อไปเมื่อดินเริ่มแห้ง ระวังอย่าให้น้ำขังหรือดินแฉะ แคคตัสอาจเน่าหรือเป็นโรคตายได้ต้องรู้ไว้ก่อนว่าแคคตัสแต่ละพันธุ์มีความต้องการปริมาณน้ำและความถี่ในการรดน้ำต่างกันไป จึงมีวิธีทดสอบง่ายๆ โดยการปักไม้แห้งเล็กๆ ลงไปให้ลึกถึงโคนกระถางในวันที่รดน้ำ เมื่อนับระยะเวลาจากวันที่รดน้ำวันแรกจนถึงวันที่ไม้ปักแห้ง ก็จะได้ช่วงเวลาในการลดน้ำที่เหมาะสม



2. แสงแดดและอุณหภูมิ 
ช่วงแดดที่เหมาะสมกับแคคตัสนั้นเป็นช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายที่แดดไม่ร้อนมาก นัก ถ้าได้รับแสงมากเกินไปต้นไม้จะแห้งเป็นสีน้ำตาล ดังนั้นต้องใส่ใจเรื่องร่มเงาหรือพรางแสงให้เหลือประมาณ 70-80% แคคตัสส่วนใหญ่เป็นพืชเมืองร้อนอยู่แล้ว ในเมืองไทยจึงสามารถเลี้ยงแคคตัสได้ดีในเกือบทุกฤดูในอุณหภูมิราว 27-32 องศาเซลเซียส



3. ธาตุอาหารหรือปุ๋ย 
ส่วนมากนิยมใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เพราะมีสูตรให้เลือกมากมาย ซึ่งทำให้เกิดชนิดและปริมาณธาตุอาหารได้ง่าย ปริมาณการให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแคคตัสแต่ละพันธุ์ ขนาดต้น รวมทั้งสภาพแวดล้อมในการปลูก แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ปุ๋ยเข้มข้นจนเกินไป

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

♣ ความเป็นมา ♣

สิงหาคม 17, 2560 0 Comments



ทำความรู้จักกันก่อน

       กระบองเพชร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า แคคตัส (Cactus) มาจากภาษากรีก คำว่า (Kaktos) แปลว่าไม้มีหนาม เป็นไม้อวบน้ำประเภทหนึ่งจัดอยู่ในวง (Cactaceae) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ แคคตัสจะมีตุ่มหนาม (Areole) ซึ่งเรียงตัวกันเป็นระเบียบตามแนวสัน เป็นส่วนที่สามารถเกิดตาดอกและแตกหน่อใหม่ได้ ด้วยต้นกำเนิดมาจากทะเลทราย แคคตัสจึงลดรูปใบเหลือแค่หนาม เพื่อลดการคายน้ำและป้องกันตัวเองจากศัตรู

      ในประวัติการค้นพบแคคตัสนั้น มีบันทึกในยุคของโคลัมบัส นอกจากเขาจะเป็นผู้ค้นพบโลกใหม่ (ทวีปอเมริกา) แล้วเขายังค้นพบแคคตัสอีก 2  ชนิด และนำแคคตัสนั้นกลับมาถวายพระราชินีอลิสซาเบลล่าแห่งสเปนเป็นคนแรกและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการขยายไปยังทวีปอื่นๆ รวมทั้งในเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์จนได้แคคตัสที่แปลกตาตุ่มหนามเรียงตัวเป็นลายสวยงาม ในเมืองไทยไม่มีบันทึกที่ชัดเจนว่าแคคตัสเข้ามาในช่วงไหนแต่มีการเพาะเลี้ยงและตั้งเป็นชมรมกระบองเพชร ซึ่งได้รับความนิยมในช่วงปี 2535 ก่อนจะซบเซาพราะวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 แลค่อยๆ ฟื้นตัวจนถึงปัจจุบัน
ต้นไม้อวบน้ำ
ซีดัม (Sedum  Morganianum) หรือ รวงข้าว
เป็นไม้อวบน้ำที่มีรูปร่างน่ารัก แถมดูกะทัดรัดเหมาะนำมาปลูกในพื้นที่แคบ เป็นไม้คลุมดินที่อายุยืน ลักษณะใบหนา กลมมน และมีสีสันแตกต่างกันออกไป ออกดอกในช่วงหน้าร้อน มีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ และสามารนำไปปลูกรวมกับไม้อื่น ในกระถางใหญ่ได้ค่ะ แม้ว่าไม้อวบน้ำทั่ว ไปจะทนร้อนและทนแล้งได้ดี แต่เจ้าซีดัมนั้นกลับชอบอากาศเย็นสบายมากกว่า ฉะนั้นควรดูแลรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง ตั้งให้โดนแสงอ่อน



ฮาโวเทีย (Haworthia mucronata) หรือ บัวแก้ว
เป็นไม้อวบน้ำรูปทรงสวยงามลักษณะส่วนใหญ่จะคล้ายกับว่านหางจระเข้แต่จะมีบางลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันนั่นก็คือพันธุ์ม้าตัดและพันธุ์ม้าลายเพราะเลี้ยงง่าย รดเพียงสัปดาห์ละครั้ง ชอบแสงแต่ห้ามตั้งให้โดนแดดโดยตรงเด็ดขาด ควรหาที่กรองแสงมาบังในช่วงเวลากลางวัน ดูแลอย่าให้ดินมีความหนาแน่นจนเกินไป ควรเติมทรายหยาบ หินภูเขาไฟ หรือพีทมอสลงไปในดินเพื่อให้ดินโปร่ง และเอื้อให้รากเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่



เอชชิวาเรีย (Echeveria) หรือ กุหลาบหิน
ด้วยลักษณะที่คล้ายคลึงกับดอกกุหลาบ เอชชิว่าเลีย (Echeveria) จึงถูกขนานนามว่า "กุหลาบหิน"เป็นไม้อวบน้ำที่มีลักษณะใบหนาขึ้นซ้อนและเรียงสลับกันเป็นทรงกลมดูคล้ายกลีบดอกกุหลาบบางสายพันธุ์มีสีสันที่แตกต่างกันออกไปเจริญเติบโตด้วยการแตกหน่อดูแลรักษาง่ายรดแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอชอบแดดในช่วงเช้า อย่าให้มีน้ำขังที่ใบเด็ดขาดเพราะอาจเกิดเชื้อราได้ และหมั่นตัดแต่งใบที่ตายแล้วทิ้งไปด้วยเพื่อช่วยป้องกันปัญหาแมลงกัดกิน